แม่ยาย [เรื่องเสียว]

ส่วแม่ยายของผม แม่ยายมาอยู่ด้วย ผมชื่อเอก อายุ แต่งงานมาแล้ว ปีเมียผมแก่กว่าผม ปีชื่อว่าอ้อย เรามีลูกด้วยกัน คน อายุเพิ่งขวบกว่า ๆด้วยความที่เราเป็นคนต่างจังหวัดแต่เข้ามาทำงานกรุงเทพ จึงไม่มีใครดูแลลูกตอนแรกก็เอาไปให้แม่ยายเลี้ยงที่บ้านนอก แต่เราทนคิดถึงลูกไม่ไหว เมียผมจึงต้องให้แม่แป๊ดแม่ยายอของผมซึ่งเป็นข้าราชการที่ เออร์ลี่ รีไทร์ออกมาก่อนกำหนดมาช่วยเลี้ยงหลานที่กรุงเทพฯ ซึ่งแม่ยายผมก็เต็มใจ เพราะสามีแก (พ่อตา)เสียไปนานแล้ว แกอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ส่วนบ้านที่ต่างจังหวัดก็มีน้องชายเมียผม เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา จึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแกเพิ่งมาอยู่ที่บ้านผมได้ สัปดาห์ บ้านของเราเป็นทาวน์เฮ้าส์แฝด ชั้นอยู่ย่านรังสิต มีบริเวณเล็กน้อย พอได้นั่งเล่นสบาย ๆ ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกห้องนอนเล็ก และห้องครัว ส่วนชั้นบนมี ห้องนอน ผมกับเมียนอนชั้นบนที่ห้องนอนใหญ่ส่วนแม่ยายนอนอยู่ห้องเล็ก แม่ยายของผมอายุราว ๆ ปี เป็นคนผิวคล้ำแต่ไม่ดำรูปร่างแกอวบใหญ่ นมโตห้อยคล้อย ซึ่งน่าจะเป็นไปตามอายุขัยด้วย ส่วนสะโพกเบ้อเริ่มเวลาเดินทีตูดกระเพื่อมยักย้ายส่ายกระเด้งทีเดียว สัดส่วนน่าจะประมาณ จะว่าไปแล้วแม่ยายผมดูหน้าตาและหุ่นคล้าย ๆ คุณหญิงทิพาฯที่เป็นรัฐมนตรีชุดคอมอชอพอสมควร ส่วนเมียผมผิวออกจะขาวนิดๆ อาจจะขาวเหมือนพ่อตาแต่รูปร่างก็อวบ ๆ คล้ายแม่ยายเหมือนกัน หน้าอกอาจจะใหญ่สู้แม่ยายผมไม่ได้แต่สะโพกนี่ได้แม่มาเต็ม ๆ เมียผมเป็นคนอารมณ์ทางเพศสูงเรียกว่าสะกิดเมื่อไรก็พร้อมเมื่อนั้น ซึ่งผมเองก็มีความต้องการสูงเช่นกันเราจึงเข้ากันได้ดีในเรื่องเซ็กซ์ เมื่อก่อนที่เรายังอยู่กัน คนทุกคืนเมื่อผมกลับจากทำงาน เราก็จะเอากันเป็นประจำจน เราชอบเอากันเสียงดัง ๆเพราะมันได้อารมณ์ดี แต่พอแม่ยายมาอยู่ที่บ้านเราเพิ่งมีโอกาสเอากันแค่ ครั้งเองเพราะในห้องมีลูกนอนด้วย เวลาจะเอากันก็ต้องรอตอนดึก ๆ ให้ลูกหลับก่อนและกลัวว่าแม่ยายจะได้ยินด้วย ค่ำคืนนี้......ผมรู้สึกเกิดอารมณ์อยากจะเย็ดกับเมียมาก ผมคงรอถึงตอนดึกไม่ไหวเพราะนี่เพิ่ง ทุ่มเอง ผมมองดูลูกก็เห็นว่าแกหลับไปแล้ว เลยสะกิดเมียอ้อย...หลับหรือยังจ๊ะผมเอาแขนโอบกอดอ้อยแล้วดึงตัวเข้ามาแนบชิดกับลำตัวผมกลิ่นกายเมียหอมกรุ่น ฮืมมม...เคลิ้ม ๆแล้วจ๊ะ...หืม...เอกเอาอะไรมาทิ่มตูดอ้อยน่ะ แข๊ง..แข็งเมียผมแกล้งถามทั้ง ๆที่รู้ว่าผมกำลังมีอารมณ์ จะอะไรเสียอีกล่ะ...ก็..ควยน่ะซิผมตอบไปตรง ๆทะลึ่ง...ไม่รู้ว่าแม่หลับหรือยัง กลัวแม่จะได้ยินได้ยินก็ไม่เห็นเป็นไรเลยแกคงรู้ว่าผัวเมียกันก็ต้องเอากันเป็นธรรมดาผมอ้อนด้วยความเงี่ยนอืมม...ก็ได้แต่ทำค่อย ๆ ล่ะ เกรงใจแก....เมียผมตอบโอ้ววว....เค้ายังไม่ทันตั้งตัวเลย มาดูดนมเขาแล้ว....อูยยยย....เมียผมร้องลั่นเนื่องจากผมไม่รอช้ารีบถลกเสื้อนอนเมียขึ้นแล้วก้มลงไปดูดนมอวบขาวของเมียทันทีเพราะมันเงี่ยนเต็มทีแล้ว เมียผมไม่ได้สวมยกทรงจึงง่ายต่อการจู่โจมผมเฟ้นฟอนดูดนมเมียอย่างเมามัน ซึ่งเมียผมยังเป็นแม่ลูกอ่อน น้ำนมจึงยังมีเยอะไม่ว่าผมจะดูดเต้าไหนก็มีน้ำนมที่รสชาติหอมหวานไหลออกมาให้ผมได้ดื่มกินด้วย ผมไม่ปล่อยให้มืออีกข้างว่างจึงล้วงเข้าไปในกางเกงนอนขาสั้นที่หลวมโพรก มือผมก็ความไปพบกับเต่านาที่อวบอูมมีเส้นหมอยปกคลุมอยู่เต็มเนิน

อ่านต่อ >>>

อ่านต่อ....

แม่บัวคือชื่อของแม่ผมเองตอนนี้อายุ39ปีแล้วแม่เป็นคนที่สวยในสายตาผม ตอนเป็นสาวแม่เล่าให้ฟังว่ามีมีคนมาจีบแม่เยอะเลยแม้แต่ตอนนี้หลายครั้งผมเห็นเด็กหนุ่มๆแอบมองแม่ผมด้วยสายตาแปลกๆ แม่ผมค่อนข้างอวบอูมทรงเครื่องเหมือนสาวใหญ่ดูอร่ามตามวัยผิวค่อนข้างขาวสูง166 สะโพกผายใหญ่ประมาณ44หลายครั้งผมเดินตามหลังแม่ผมเห็นก้อนก้นอันอวบกระเพื่อมตามผ้าถุงผมยังเกิดอารมณ์เลย พ่อผมอดีดรับราชการครับ.พ่อเป็นคนเจ้าชู้มากแม่เคยบอกผมเสมอซึ่งผมก็พอรู้พ่อแยกทางกับแม่ตั้งแต่ผมอายุ10ปีอีกสี่ปีต่อมาแม่แต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงหรือสามีใหม่ของแม่อายุน้อยกว่าแม่ อายุแค่32 ชื่อแท่นชาวบ้านชอบเรียกแก"มหาแท่น"บวชมาตั้งแต่เด็กพอสึกออกมาไม่นานก็แต่งงานกับแม่ผม แม่บอกว่าตอนแรกแม่ไม่รักเขาหรอก แต่เห็นแกเป็นคนเรียบร้อยเคยบวชเรียนมา เป็นคนขยันเพราะเรามีอาชีพทำไร่ทำสวน แม่คงเข็ดเรื่องพ่อมากกว่าที่สำคัญแกหาเงินช่วยใช้หนี้สินที่พ่อผมเคยทำไว้ตอนอยู่กับแม่ บางครั้งดูคล้ายแกเป็นพระอยู่ พ่อเลี้ยงผมเป็นคนรูปร่างเล็กกว่าแม่มาก ตอนนี้ผมอายุ ย่างเข้า16 แล้ว เมื่อต้นปีที่แล้ว พ่อเลี้ยงผมขอแม่ไปทำงานต่างประเทศที่ไต้หวัน เพราะเห็นชาวบ้านไปกันเยอะเพื่อช่วยแม่ใช้หนี้สิน ซึ่งบางคนก็เก็บเงินได้สร้างบ้านใหม่แกอยากมีเหมือนเขาบ้าง แม่เห็นในความขยันขันแข็งและความจริงจังของแกเลยไม่ห้าม ประมาณ6เดือนก็ใช้หนี้สินที่กู้ยืมตอนไปหมด จากนั้นก็เริ่มเก็บเงินพ่อเลี้ยงผมส่งเงินมาอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งเมื่อต้นปีนี้ แกเริ่มส่งเงินน้อยลงเรื่อยๆแกอ้างว่างานใกล้หมดไม่มีโอเวอร์ทามเหมือนตอนไปแรกๆบางครั้งลดลงเกือบเท่าตัวที่เคยส่งมา จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองชาวบ้านบางคนที่หมดสัญญากลับมาก่อนซุบซิบกันว่า "มหาแท่น"มีเมียที่เป็นคนไทยทำงานที่นั่นด้วยคงเป็นเพราะความใกล้ชิดหรือไม่ก็เห็นว่าพ่อเลี้ยงผมเป็นคนขยัน ถ้าว่าเรื่องหล่อเหลาคงเป็นไปไม่ได้...แม่รู้เรื่องเข้าแม่ค่อนข้างหงุดหงิดแต่ก็ไม่อยากเชื่อ เพราะสอบถามแล้วพ่อเลี้ยงผมก็ปฏิเสธ แต่เรื่องเริ่มหนาหูขึ้นเรื่อยๆ

อ่านต่อ >>>

อ่านต่อ....

ผมเป็นลูกคนเดียวของแม่และพ่อครับ ผมเป็นลูกที่ดีของพ่อและแม่ผมมาตลอด ท่านดีกับผมมากๆๆ ทุกๆๆเรื่องเลยครับ จนมาวันหนึ่งที่ผมจะไม่มีวันลืม และอาจจะลืมไม่ได้ วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกพร่ำๆ บ้านของผม พ่อรับราชการเป็นตำรวจ จึงไม่ค่อยจะอยู่บ้าน ส่วนแม่ของผม นั้น จะเป็นแม่บ้าน จึงดูไม่ค่อยแก่ เพราะไม่ค่อยออกไปตากแดดสักเท่าไหร่ จนมาวันหนึ่ง เหตุการณ์ที่ไม่อาจจะลืมได้ก็เกิดขึ้น มันเป็นช่วงเวลาพลบค่ำ ผมกลับจากโรงเรียน ตอนนั้น ผมเดินจากปากซอย ก็คิดอะไรไปเรื่อยๆๆ จนจะถึงปากทางเข้าบ้าน ไอ้ใจเจ้ากรรมดันคิดเรื่อง เซ้กซ์ระหว่างแม่กับลูกขึ้นมา เนื่องจากผมเคยดูอ่านจากหนังสือ ตอนนั้น ผมเลยคิด อยากจะรู้ว่าแม่ของผมตอนที่ไม่มีอะไรใส่ ท่านจะสวยและ เซ็กซ์ซี่ขนาดไหน พอถึงบ้านผมก็เลยแอบย่องไปหลังบ้าน ห้องน้ำของผมนั้น มีช่องระบายอากาศ อยู่ ถ้าไม่มีคนสังเกตุก็ไม่มีใครเห็นแน่ ผมก็รอจนกระทั่ง แม่ทำงานเสร็จ ผมเห็นแม่หยิงผ้าถุง และทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ตอนนั้น แม่คงนึกไม่ถึงแน่ว่าผมจะกลับจากโรงเรียนเร็ว เพราะเนื่องจากผมชอบไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วจะกลับมืดๆๆทุกครั้ง แม่เปลี่ยนผ้าถุง แต่ผมเห็นไม่ถนัดสักเท่าไหร่ แล้วแม่ก็เข้ามาอาบน้ำแล้วปิดประตู ส่วนผมตอนนั้น

อ่านต่อ >>>

อ่านต่อ....

ติ๋ม “ติ๋ม” แม่หม้ายวัยยังสาว เธอได้รับประสบการณ์ในชีวิตที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนเป็นเด็กสาวเธอถูกนักเลงฉุดเอามาทำเมีย และได้อยู่กินด้วยกันจนมีลูก 2 คน แต่ต่อมาผัวเธอก็ต้องตายตามเส้นทางของนักเลง ตั้งแต่ลูกคนเล็กอายุได้เดือนเดียว เธอหอบลูกทั้งสองจากบ้านเกิดมาทำงาน และอาศัยแฟลตการเคหะฯ ในกรุงเทพฯ มันเป็นห้องแคบๆ ที่ต้องใช้ตู้กั้นแบ่งเขตให้เป็นห้องนอนและห้องรับแขก ในส่วนห้องนอนมีเพียงที่นอนหลังใหญ่วางบนพื้น เธอและลูกๆ นอนรวมกัน เธอเลี้ยงลูกสาวให้แกร่งเหมือนผู้ชาย เพื่อป้องกันการถูกข่มเหง และเธอเลี้ยงลูกชายให้อ่อนแอ เพื่อไม่ให้มีจุดจบตามพ่อ.......... คืนหนึ่งเธอมองลูกที่นอนหลับเรียงกันบนที่นอน “โอ๋” ลูกสาวปัจจุบันอายุ 17 และ “อ้น” ลูกชายอายุ 16 เธอรู้สึกสับสน.....เธอเลี้ยงลูกถูกต้องแล้วหรือ? นับวันโอ๋และอ้นต่างโตเป็นสาวเป็นหนุ่ม โอ๋จัดว่าเป็นเด็กที่สวยรูปร่างอวบอัดผิวขาวเหมือนแม่ และอ้นสูงใหญ่จัดว่าหล่อคมเข้ม คงได้มาจากพ่อ แต่เด็กสองคนมีลักษณะท่าทางที่กลับกัน โอ๋เป็นหัวโจกของเด็กเกเรในแฟลต นั่งมั่วสุมกันอยู่ใต้ถุนแฟลต ส่วนอ้นเรียบร้อยออกจะกระตุ้งกระติ้ง เธอกลัว............. โอ๋ไปมั่วสุมกับเด็กๆที่แฟลตจะพลาดท่าเสียทีท้องไม่มีพ่อ หรือไปติดยาเสพติด........ ทำอย่างไรจะทำให้อยู่ติดบ้านได้......... ส่วนอ้นเธอกลัวว่าจะเบี่ยงเบนทางเพศกลายเป็นกระเทยไป........ ทำอย่างไรจะให้เขาเป็นชายชาตรี และเป็นผู้นำครอบครัวในอนาคตได้.........ในระหว่างที่นั่งมองลูกทั้งสองคนอยู่นั้น ตาเธอเหลือบไปที่เป้ากางเกงนอนของลูกชาย เห็นเป้ากางเกงนอนถูกบางสิ่งบางอย่างค้ำขึ้นมา....... เธอขยับเข้าไปใกล้ๆ ตาจ้องมองด้วยความคิดบางอย่าง...... แล้วตัดสินใจไปปลดกระดุมกางเกงนอนตัวนั้นเบาๆ ด้วยกลัวลูกชายจะรู้สึกตัว....... แหวกออก....... ใช่จริงๆ.......

อ่านต่อ >>>

อ่านต่อ....

สวัสดีคะ ดิฉันชื่อ แอม วันนี้ดิฉันมีเรื่องเหลือเชื่อจะเล่าให้ทุกท่านฟัง ดิฉันทำหน้าที่สอนพิเศษวิชาดนตรีให้กับลูกชายของเพื่อนสนิทของฉันที่เป็นหมอ ชื่อ รัชนี ดิฉันกับรัชนีเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนอยู่โรงเรียน แต่พอเข้ามหาลัย เราสองคนต่างอยู่กันคนละคณะ ด้วยความที่รัชนี เป็นผู้หญิงที่มีความเก่งจึงได้เรียนหมอ พอจบมาก็เข้าไปทำงานให้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ รัชนีแต่งงานกับนักธุรกิจคนนึงที่มีฐานะอยู่พอสมควร พวกเขามีลูกกันแค่คนเดียว ชื่อ ต้น แต่น่าเสียดายที่ลูกชายของเขาดันเป็น ออทิสติก พอต้นอายุได้ สิบเจ็ด ปี พ่อของเขาก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ทำให้รัชนี ต้องอยู่คนเดียวกับลูกชาย ดีที่ว่า หน้าที่การงานและมรดกของสามี เลยทำให้รัชนีพอที่จะเลี้ยงลูกชายของเธอไว้ได้ตลอดชาติ รัชนี ขอให้ดิฉันสอนไวโอลินให้กับต้น เป็นเรื่องนึงที่ฉันต้องยอมรับจิงๆว่า ต้นถึงแม้จะเป็นออทิสติก แต่ความสามารถทางดนตรีของเขาเรียกได้ว่า สุดยอดเลยทีเดียว ดังนั้น ฉันจึงเจียดเวลาตอนเย็นๆมาสอนดนตรีให้กับต้นที่บ้านของรัชนี บ้านหลังนี้มีสองชั้น รัชนีจ้างพี่เลี้ยงไว้ดูแลต้นช่วงเช้าจนถึงห้าโมงเย็น หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็จะกลับบ้านไป หลังจากนั้นก็เหมือนเป็นช่วงของฉันที่ต้องรับดูแลต้นต่อไปพร้อมกับสอนดนตรี สอนจนถึงประมาณสามทุ่ม (เพราะฉันกับรัชนี บ้านอยู่บริเวณเดียวกันเลยกลับดึกได้) รัชนีก็จะกลับมาจากงาน เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน ด้วยความที่ฉันรักต้นเหมือนหลานคนนึง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก อีกทั้งสงสารรัชนีด้วย ช่วงที่สอนไวโอลินอยู่นั้น ฉันก็แกล้งถามต้นไปเล่นๆว่า " ต้น..ช่วงที่ต้นไม่สบาย คุณแม่ให้ต้นกินยาอะไรบ้างเนี่ย" เขาก็ตอบแบบซื่อๆไปว่า " คุณแม่รักษาผมทุกวันเลย" ดิฉันก็นึกสนุก ถามต่อไปอีกว่า "แล้วคุณแม่จับต้นฉีดยาหรือป่าวจ๊ะ"

อ่านต่อ >>>

อ่านต่อ....